“อยู่เป็น” คืออะไร?
อยู่เป็น หมายความว่าอะไร? โดยส่วนตัวผมได้ยินคำๆนี้ครั้งแรก เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา เป็นคำที่ติดหูตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ยิน
ณ ช่วงเวลานั้น “อยู่เป็น” เป็นคำที่ผมคุ้นเคยกับการใช้ เพื่อบรรยายถึงคนทีชอบสร้างภาพ ชอบเสนอหน้า หรือพวกที่ขี้ประจบประแจง
นอกจากนั้นมันยังถูกใช้ในบริบท เพื่อเรียกคนที่สามารถเข้าหาผู้ใหญ่ และผู้มีอำนาจได้อย่างเก่งกาจ หลายๆครั้งก็เป็นเหมือนนกสองหัว แต่เป็นนกสองหัว ที่บั้นปลายคนเหล่านี้ก็มักจะได้ดิบได้ดีอยู่เสมอ
คำว่า “อยู่เป็น” หมายความว่าอะไร?
ปัญหาคือ “อยู่เป็น” ไม่ได้มีคำนิยามมาตรฐาน ความหมายของมัน ยังไม่มีการบัญญัติไว้ในพจนานุกรมเล่มใด
มันจึงเป็นคำที่มีความหมายกว้าง ขึ้นกับแต่ละคน ว่าเคยได้เรียนรู้คำนี้มาในบริบทไหน เคยเห็นการใช้คำๆนี้ มาผูกไว้กับการกระทำแบบใด และขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ใช้เอง ว่าจะใช้มันในแง่ไหน และใช้กับใคร
“อยู่เป็น” ที่ผมรู้จักในครั้งแรก จึงเป็นคำในด้านลบ เป็นคำที่ใช้บรรยายนิสัยไม่พึงประสงค์ ดังที่ได้กล่าวแต่ต้น
คนที่อยู่ได้เป็น ไม่เท่ากับ คนที่ไม่มีหลักการ
เพราะเมื่อได้รู้จัก และเรียนรู้ พวกคนที่ผมได้เคยนิยามไว้ว่า “อยู่เป็น” ความคิดผมก็เปลี่ยนไป
ผมพบว่า พวกเขาก็ไม่ได้เป็นคนที่ไม่พึงประสงค์อะไรขนาดนั้น และคงไม่ได้เป็น “คนเลว”
กลับกัน ผมคิดว่าเราต้องแยกคนประเภทนี้ ออกจากคนที่หน้าไหว้หลังหลอก เชื่อถือไม่ได้
เพราะคนที่มีทักษะอยู่ให้เป็นได้นั้น มักจะเป็น “คนเก่ง”
คนเก่งในที่นี้ คือเก่งในแง่ของ Social Intelligence
พวกเขาสามารถปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ บริบทเฉพาะหน้าต่างๆ ได้เป็นอย่างดี มีความสามารถเป็นเลิศในการสร้างและธำรงไว้ซึ่งความสัมพันธ์ (Connection)
เป็นคนรู้จักทางหนีทีไล่ รู้จักผ่อนหนักผ่อนเบา รู้ว่าเวลาไหนควรหนักแน่น เวลาไหนที่จำเป็นต้องโอนอ่อน โดยยังคงความเป็นตัวเองไว้ได้
อยู่เป็น คือ บุคลิกภาพ (Personality)
ผมคิดว่า “อยู่เป็น” เป็นลักษณะบุคลิกภาพอย่างหนึ่ง หรือถ้าจะพูดแบบง่ายๆ ก็คือรูปแบบนิสัยของคนอย่างหนึ่ง
และเพราะมันเป็นเรื่องของนิสัย เราจึงชอบตัดสินไปเลย ว่าคนๆหนึ่ง อยู่เป็น หรือ อยู่ไม่เป็น ซึ่งมันก็ไม่ถูกนัก เพราะกำลังทำตาม “สันชาติญาณ”
มนุษย์เรามักมีสันชาติญาณแบ่งแยกจัดกลุ่มทุกสิ่งๆทุกอย่าง ออกเป็น ขาว และ ดำ , พวกเขา และ พวกเรา (The Gap Instinct) ซึ่งนิสัยนี้ก็ถูกเอามาใช้ด้วย กับเวลาที่เราให้คำนิยาม หรือบรรยาย ลักษณะนิสัยของใครคนใดคนหนึ่ง
เช่น เรามักจะบรรยายคนๆหนึ่งไปเลย ว่าเขาเป็น คนดี หรือ คนเลว, เป็นคนเป็นมิตร หรือไม่น่าคบ, เป็นคนที่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ หรือขี้เหนียว, เป็นคนที่ชอบเก็บตัว (Introvert) หรือชอบพบปะผู้คน (Extrovert)
ทั้งๆที่จริงๆแล้ว นิสัยของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน แต่ละคนมี “ระดับ” นิสัยต่างๆ ที่แสดงออกมากน้อยต่างกันไป และเปลี่ยนไปตามแต่สภาพแวดล้อมที่อยู่ ณ แต่ละชั่วขณะนั้น เช่น ไม่ใช่ว่าคน Introvert ทุกคน จะเป็นพวกเอาแต่เก็บตัวในบ้าน ไม่ยุ่งกับใคร พวกเขาก็สามารถเข้าสังคมได้ มีเพื่อนได้ มองน้อยแล้วแต่คน แต่เพียงนิสัยของเขาหลักๆ คือรู้สึกดีเวลาอยู่คนเดียวมากกว่า
นิสัยอยู่เป็น จึงเหมือนกับส่วนสูง หรือน้ำหนัก ที่มีลักษณะข้อมูลต่อเนื่องกัน (Continuous data) มิใช่ เพียงขาวกับดำ….คนแต่ละคนมีความ อยู่ได้เป็น มากน้อยแตกต่างกันไป บางคนมีมาก บางคนมีน้อย
คนที่มีนิสัยด้านนี้เด่น จึงกลายเป็น คนอยู่เป็น
ในทำนองเดียวกัน คนที่ลักษณะบุคลิกภาพไม่ค่อยเป็นเช่นนี้ ก็กลายเป็น คนอยู่ไม่เป็น
แล้วที่ใช้ๆกัน ในโลกอินเตอร์เน็ต มันมีความหมายอย่างไร?
ผมคิดว่า คำๆนี้ มีใช้ใน 2 รูปแบบหลักๆ
1. ด้านลบ
หมายถึง นิสัยที่เป็นคนชอบใส่หน้ากากเข้าหาคนอื่น โกหกเก่ง เอาตัวรอดเก่ง มีความพร้อมจะเปลี่ยนสีให้เข้ากับฝ่ายที่ให้ประโยชน์กับตัวเอง (Social Chameleon) โดยไม่สนศักดิ์ศรี หรือสนใจเกียรติตัวเองใดๆ ใครให้ประโยชน์ตัวเองได้มากสุด ก็ไปเข้าหากับคนนั้น
เป็นนิสัยของคนที่ยอมให้กับเรื่องที่ผิดศีลธรรม ไม่ยุติธรรม ตราบใดที่มันมีประโยชน์กับตน
เป็นนิสัยของคนที่สามาร *อแหลได้ถูกกับกาละเทศะ สร้างภาพให้เป็นที่ชื่นชอบของผู้มีอำนาจ หรือคนที่ให้ผลประโยชน์ เป็นพวกที่ชอบเลียแข้งเลียขา
เป็นคำที่ใช้บรรยายลักษณะของคนที่สยบยอม และทำตามสิ่งที่มาจากอำนาจที่เหนือกว่า โดยยอมละทิ้งอุดมการณ์ ตัวตน และความเชื่อของพวกเขาไปจนหมดสิ้น พอนานๆเข้า พวกเขาก็จะกลายเป็นคนที่ทำตัวแบบล่องลอย เช้าชามเย็นชาม ไม่มีจุดยืน ไม่มีหลักการอะไรใดๆ ผู้มีอำนาจ หรือคนหมู่มาก เห็นว่าอะไรดี เห็นว่าควรไปทางไหน ก็ไปตามนั้น
ซึ่งโดยส่วนตัวผมไม่เห็นด้วยกับการใช้คำนี้ ในแง่นี้
ผมคิดว่าคำๆนี้ มันไม่ได้เป็นคำที่มีความหมายในแง่ลบ
เพราะในภาษาไทยมีคำต่างๆมากมาย ที่มันตรงกว่า และสื่อความหมายได้ลึกซึ้งกว่า ในการใช้บรรยายลักษณะของคนจำพวกดังกล่าวได้ คำๆนี้จึงไม่น่าจะมาอยู่ในกรอบนี้
และเอาจริงๆ ผมว่าคนที่ทำตัวประจบประแจงมากเกินไป จนมีแต่คนรังเกียจ นั้นเป็นคน “อยู่ไม่เป็น” เพราะมีคนอื่นๆ พร้อมจะซ้ำเติมตลอดเวลา เมื่อพวกเขา “พลาด”
2. ด้านกลางๆ
ผมคิดว่า คนที่อยู่ได้เป็น คือคนที่ “รู้รักษาตัวรอด” (Adaptable) เป็นคนที่รู้จักกลไกของสังคม พวกเขาสามารถอ่านสถานการณ์ของสังคมได้ดี รู้จักชั่งตวง Risk-Benefit ว่าจังหวะไหนควรยอม จังหวะไหนควรสู้
เพราะ การทำตัวแข็งกร้าว ยึดมั่นในหลักการเกินไป จะทำให้เราอยู่ได้อย่างยากลำบาก ในสังคมที่อยู่ยากและซับซ้อนเช่นนี้ …และมักจะอยู่ได้ไม่นาน
พวกเขาจะรู้จักบริบทแวดล้อมนั้นๆ (เช่น วัฒนธรรมองกรณ์ วัฒนธรรมประเทศ) และรู้ว่าควรทำตัวอย่างไร เพื่อให้ตัวเองได้ประโยชน์สูงสุด เจริญก้าวหน้าได้สูงที่สุด
เขารู้ว่าเวลาไหนที่ควรเสนอหน้า รู้ว่าเสนอแค่ไหนจึงจะพองาม ไม่มากไปจนตัวเองลำบาก เช่น จนคนอื่นๆหมั่นไส้ หรือ รู้ว่าเวลาไหนอยู่เงียบๆไว้ ดีที่สุด
อาจจะมีบ้างที่ต้อง “แสดง” ให้คนอื่นคิดว่าตนไม่ได้เป็นพวกมีจุดยืนหรืออุดมการณ์อะไร จนถึงขั้นต้องแกล้งโง่ แต่เมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เขาก็ไม่ได้ละทิ้งตัวตนไปเสียหมด
โดยสรุปแล้ว คนอยู่เป็น จึงหมายถึง คนที่มี “นิสัยอยู่เป็น”โดดเด่น คือคนที่รู้ว่า จะทำตัวอย่างไร ให้กับคนอื่นได้ และไปได้ไกล ก้าวหน้า กว่าคนอื่นๆได้ (Get along and Get ahead)
ซึ่งในแง่กลางๆนี้ เป็นอะไรที่ตรงใจกับผมมากกว่า
ดังนั้นแล้ว นิสัยอยู่เป็น ก็ไม่ได้นิสัยของเป็น “คนดี” ตามอุดมคติ ตามมาตราฐานสังคม ไม่ใช่ ไม่ใช่นิสัยในพ่อพระ แต่ก็ไม่ได้เป็นผีห่าซาตาน
ไม่ใช่นิสัยที่บอกว่า พวกเขาไม่ได้เป็นพวกคิดอย่างไร ก็จะพูดคำนั้น พวกเขามีอุดมการณ์ แต่ก็ไม่ใช่คนที่ยึดมั่นในอุดมการณ์อันแรงกล้า ถึงขั้นยอมหัก ไม่ยอมงอ พวกเขารู้ว่าเวลาไหนควรยึด เวลาไหนก็ควรผ่อนปรนบ้าง
คนที่มีความ “อยู่เป็น” ในความคิดผม จึงเป็นคนเก่งด้านการปรับตัวในสังคม เป็นคนสีเทาๆ และเป็นคนที่สามารถ Getting along & Getting Ahead
แล้ว คนที่ “อยู่ไม่เป็น” คืออะไร
แน่นอน เมื่อมีนิสัยคนอยู่เป็น ก็ต้องมีคนที่อยู่ไม่เป็น
เมื่อมันเป็นนิสัย บางคนเกิดมาก็อยู่เป็นโดยธรรมชาติ บางคนก็อยู่ไม่เป็นเลย
และเมื่อเป็นนิสัย…ก็ฝึกได้
แต่ผมคิดว่า โลกเรากำลังมีคน “อยู่ไม่เป็น” มากขึ้นเรื่อยๆ
ซึ่งหากสนใจผมเคยให้เหตุผลยาวๆ ไว้ในบทความนี้ครับ – “ในโลกของคนอยู่เป็น”
สรุปสั้นๆ เพราะธรรมชาติไม่ได้สร้างให้เรามาอยู่กับสิ่งแวดล้อมเช่นนี้ ยิ่งเทคโนโลยีพัฒนาเท่าไหร่ เราก็อยู่ในสภาพแวดล้อมที่จะแสดงออกถึงความ “อยู่ไม่เป็น” มากขึ้นเท่านั้น
ธรรมชาติอาจสร้างให้เราเกิดมาเป็นสัตว์สังคมชนิดหนึ่ง ในกลุ่มที่ใช้ชีวิตแบบ Hunter-Gatherer
มันไม่ได้สร้างให้เรามาอยู่ในสิ่งสมมติต่างๆ มากมาย ดังที่เป็นเช่นทุกวันนี้
ดังนั้นแล้ว จึงไม่แปลกหากคนส่วนใหญ่จะรู้สึกว่าตัวเอง อยู่ไม่เป็น และเห็นว่าสังคมและโลกใบนี้มัน “อยู่ยาก”
คน “อยู่ไม่เป็น” ควรทำอย่างไรต่อ?
ผมเองก็เป็นอีกคนที่ “อยู่ไม่เป็น” แน่นอนว่าเคยพยายามพัฒนาทักษะนิสัย ให้อยู่เป็น บ้างแล้ว แต่ผมว่ามันยาก
การอยู่ให้เป็น มันก็คือทักษะอย่างหนึ่ง ที่บางคนอาจจะเกิดมาพร้อมพรสวรรค์ ให้เกิดมาก็อยู่ได้เป็นได้อย่างน่าทึ่ง แต่กับอีกหลายๆคน มันก็คือทักษะที่ต้องใช้การฝึกฝน ผ่านการใช้ชีวิตประจำวันของเรา ผ่านการมีปฏิสัมพันธ์กับคนต่างๆในสังคม
แน่นอน เราไม่จำเป็นต้องอยู่ให้เป็น เหมือนคนอื่นๆ
แม้เราจะ อยู่ไม่เป็น เราก็มีทางของตัวเอง มีชีวิตของตัวเองได้
เหมือนถ้าเราเป็นคนชอบอยู่เงียบๆ (Introvert) เราก็มีวิถีชีวิตของเราได้ ไม่ใช่ว่าการเพิ่มความ Extrovert จะดีกว่าเสมอ
เราจะอยู่ของเราอย่างนี้ เป็นคนธรรมดาๆ ที่อยู่ไม่ค่อยเป็น มันก็เป็นสิทธิ์ของเราอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ผมมองว่าโลกใบนี้ ปกครองด้วย คนที่อยู่เป็น
และมันก็คงจะเป็นเช่นนี้ต่อไป ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ในเร็ววัน
ดังนั้น มันจึงมีประโยชน์ ที่เราก็ได้ศึกษาหนทาง ทักษะต่างๆ ที่จะพัฒนาให้เราอยู่ให้เป็นมากขึ้น หรือ อย่างน้อยที่สุด ก็พอจะเข้าใจได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง
เพื่อให้เราไม่รู้สึกว่า การอยู่ในโลกใบนี้ อยู่ยาก เกินไปนัก และพอให้เรา คนอยู่ไม่เป็น มีความสุข ความสงบได้บ้าง…ในโลกของคนอยู่เป็น
หมายเหตุ : บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงมุมมองต่อการใช้คำๆนี้ และไม่ได้มีจุดประสงค์ทางการเมืองใด